จิตวิทยาซาเทียร์: เครื่องมือครูศตวรรษที่ 21
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์ประภา พาลพ่าย
สำนักเทคโนโลยีการศึกษา มสธ.
หัวใจสำคัญของแนวคิดซาเทียร์ คือการสำรวจโลกภายในผ่าน “ภูเขาน้ำแข็งส่วนบุคคล” (Personal Iceberg) ซึ่งเป็นกระบวนการที่นำไปสู่การตระหนักรู้ในตนเองอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่พฤติกรรมภายนอกไปจนถึงความรู้สึก การรับรู้ ความคาดหวัง และความปรารถนาที่อยู่ภายใน
จิตวิทยาซาเทียร์ หรือ Satir Model เป็นแนวคิดการบำบัดทางจิตวิทยาที่เน้นการเติบโตและเปลี่ยนแปลงจากภายใน พัฒนาขึ้นโดย เวอร์จิเนีย ซาเทียร์ (Virginia Satir) นักจิตบำบัดชาวอเมริกันชาวอเมริกัน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกคนสำคัญของครอบครัวบำบัด (Family Therapy) แนวคิดนี้มีรากฐานมาจากปรัชญามนุษยนิยมที่เชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ทุกคน และมองว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากตัวปัญหาเอง แต่เกิดจากวิธีที่เรารับมือกับปัญหานั้นๆ
เป้าหมายสูงสุดของซาเทียร์โมเดล คือการช่วยให้บุคคลได้เป็น “มนุษย์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น” (Becoming More Fully Human) โดยมีเป้าหมายหลัก 4 ประการ ได้แก่
- การเพิ่มความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง (Raising Self-Esteem) ช่วยให้บุคคลมองตนเองในแง่บวก ยอมรับ และภาคภูมิใจในคุณค่าของตนเองมากขึ้น
- การเสริมสร้างความสามารถในการตัดสินใจ (Becoming a Choice Maker) ช่วยให้บุคคลสามารถมองเห็นทางเลือกและตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้ด้วยตนเองอย่างอิสระ
- การส่งเสริมความรับผิดชอบต่อตนเอง (Becoming Responsible) ช่วยให้บุคคลสามารถรับผิดชอบต่อความรู้สึก ความคิด และการกระทำของตนเองได้
- การมุ่งสู่ความสอดคล้องกลมกลืน (Becoming Congruent) ช่วยให้บุคคลสามารถแสดงออกภายนอกได้อย่างสอดคล้องกับความรู้สึกและประสบการณ์ภายในอย่างแท้จริง
ซาเทียร์เปรียบเทียบจิตใจของมนุษย์เหมือนภูเขาน้ำแข็ง โดยส่วนที่มองเห็นได้เหนือผิวน้ำมีเพียงเล็กน้อย แต่ส่วนที่ใหญ่กว่าและเป็นพลังขับเคลื่อนที่แท้จริงนั้นอยู่ใต้ผิวน้ำ องค์ประกอบของภูเขาน้ำแข็งประกอบด้วยระดับต่างๆ ดังนี้

ภาพที่ 1 ภูเขาน้ำแข็ง (นงพงา ลิ้มสุวรรณ และ นิดา ลิ้มสุวรรณ, 2555)
ยอดภูเขาน้ำแข็ง
พฤติกรรม (Behavior) สิ่งที่แสดงออกและสังเกตเห็นได้จากภายนอก เช่น คำพูด การกระทำ
ระดับน้ำ
ท่าทีการรับมือเพื่อความอยู่รอด (Coping Stances) ที่คนเรามักใช้เมื่อเผชิญกับความเครียดหรือเมื่อรู้สึกว่าคุณค่าในตนเองถูกคุกคาม มี 4 รูปแบบ ได้แก่
- การยอมตาม (Placating) พยายามเอาใจผู้อื่น ยอมรับผิดเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
- การตำหนิ (Blaming) กล่าวโทษผู้อื่นหรือสถานการณ์ เพื่อปกป้องตนเอง
- การใช้เหตุผลเหนืออารมณ์ (Super-Reasonable) ใช้เหตุผลและข้อมูลเป็นหลัก ตัดขาดจากความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น
- การทำให้ไม่เกี่ยวข้อง (Irrelevant) เบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่กำลังเผชิญอยู่
ใต้ภูเขาน้ำแข็ง
ความรู้สึก (Feelings) อารมณ์พื้นฐาน เช่น ดีใจ เสียใจ โกรธ กลัว
ความรู้สึกต่อความรู้สึก (Feelings about Feelings) การตัดสินคุณค่าต่ออารมณ์ของตนเอง เช่น รู้สึกผิดที่โกรธ
การรับรู้ (Perceptions) ความคิด ความเชื่อ การตีความต่อเหตุการณ์ต่างๆ
ความคาดหวัง (Expectations) สิ่งที่ปรารถนาให้เกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น
ความปรารถนา (Yearnings) ความต้องการที่เป็นสากลของมนุษย์ เช่น ต้องการเป็นที่รัก ได้รับการยอมรับ การมีคุณค่า
ตัวตน (Self) แก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ แหล่งพลังชีวิต ทรัพยากรที่ดีที่มีในตัว และคุณค่าในตนเอง
วิธีการและเทคนิคที่ใช้ซาเทียร์โมเดลเป็นแนวทางที่เน้น “ประสบการณ์” (Experiential) โดยใช้เทคนิคหลากหลายเพื่อช่วยให้บุคคลได้สัมผัสและเรียนรู้จากโลกภายในของตนเอง เทคนิคที่สำคัญ ได้แก่
- การวิเคราะห์ภูเขาน้ำแข็งส่วนบุคคล (Personal Iceberg Analysis) การใช้คำถามกระบวนการ (Process Questions) เพื่อนำทางให้บุคคลสำรวจลงไปในแต่ละระดับของภูเขาน้ำแข็งของตนเองซึ่งคำถามกระบวนการเป็นหัวใจสำคัญที่นักบำบัดใช้เพื่อช่วยให้ผู้รับบริการสำรวจภูเขาน้ำแข็งของตนเอง
- การปั้นท่าทาง (Sculpting/Family Sculpting) การให้บุคคลจัดท่าทางของสมาชิกในครอบครัว (หรือตัวแทน) เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลวัตและความสัมพันธ์ที่เขารับรู้จากภายในใจออกมาเป็นภาพที่จับต้องได้
การประยุกต์ใช้กับการออกแบบการเรียนการสอน
แนวคิดซาเทียร์สามารถนำไปปรับใช้กับบริบทการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
- สร้างบรรยากาศปลอดภัยทางอารมณ์
ครูควรช่วยให้นักเรียนรู้สึกว่าห้องเรียนคือ “พื้นที่ปลอดภัย” ที่สามารถแสดงออกโดยไม่ถูกตัดสิน
- กระบวนการสะท้อนคิด (Reflection)
ใช้คำถามเชิงกระบวนการ เพื่อให้นักเรียนได้สำรวจพฤติกรรม ความรู้สึก ความคิด และคุณค่าในตนเอง เช่น “คุณเรียนรู้อะไรจากกิจกรรมนี้?” “ความรู้สึกนี้สะท้อนอะไรเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณ?”

3. พัฒนา Soft Skills
ฝึกการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลและมีความรับผิดชอบ และส่งเสริมทักษะการสื่อสารที่สอดคล้องกับความรู้สึกจริง
4. การออกแบบกิจกรรมเชิงประสบการณ์ (Experiential Learning)
ใช้กิจกรรมกลุ่ม บทบาทสมมติ หรือการปั้นท่าทาง (sculpting) เพื่อให้นักเรียนเข้าใจพลวัตทางอารมณ์และความสัมพันธ์
5. การสร้าง Growth Mindset
กระตุ้นให้นักเรียนเห็นคุณค่าในตัวเอง และเชื่อว่าความผิดพลาดคือโอกาสในการเรียนรู้
Satir Model ไม่ใช่แค่แนวทางด้านการบำบัด แต่ยังเป็น “เครื่องมือการเรียนการสอน” ของครูศตวรรษที่ 21 ที่ช่วยให้นักเรียนได้เข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้ง พัฒนาความกลมกลืนระหว่างความรู้สึก ความคิด และพฤติกรรม ส่งผลให้การเรียนรู้มีความหมายและยั่งยืน
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา สำนักเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ศูนย์กลางนวัตกรรมการศึกษาทางไกลที่ผสมผสานเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมให้บริการด้านการผลิตสื่อการเรียนการสอนดิจิทัล ระบบการเรียนออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย และการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีการศึกษาอย่างครบวงจร ติดต่อเราได้ที่ https://oet.stou.ac.th/academic-work/ เพื่อค้นพบโอกาสทางการศึกษาที่ไม่มีขีดจำกัด เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ตามที่คุณต้องการ หรือโทร 02-504-7306-8