จากกระดาษสู่จอภาพ : วิธีสร้าง Texture รอยพู่กันจากภาพถ่าย
นันทิตา ช้างเยาว์
สำนักเทคโนโลยีการศึกษา มสธ.
งานศิลปะคือการจำลองธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามนุษย์ยังมีความหลงใหลในงานฝีมือ และมุ่งมั่นขัดเกลาความเป็นตัวเองอย่างไม่ย่อท้อต่อกระแสของเทคโนโลยี แต่จะลงตัวกว่าไหม หากเราจะนำงานฝีมือมาบรรจบกับงานยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัว ในวันนี้จะขอแนะนำอีกหนึ่งเทคนิคที่รวดเร็วเหมาะสำหรับยุคใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของงานศิลปะยุคบุกเบิก ซึ่งก็คือการนำ “รอยพู่กันจากงานกระดาษ เข้ามาใช้ในงานดิจิทัลอาร์ต” นั่นเอง
ในการสร้างสรรค์งานจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่จำเป็น ดังนี้
- พู่กันขนาดกลางชนิดใดก็ได้ที่ถนัดมือ
- หมึกดำ หรือสีดำ ในตัวอย่างนี้ได้เลือกใช้เป็นหมึกจีนชนิดน้ำ
- กระดาษสีน้ำ โดยแต่ละชนิดจะมี Texture แตกต่างกัน สามารถเลือกแบบที่ชอบมาใช้งานได้เลย (แนะนำให้มีเทคเจอร์หยาบกลาง และไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง)
- โปรแกรม Photoshop เวอร์ชั่นใดก็ได้
เมื่อเราเตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว เราลองมาดูขั้นตอนการสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อให้เกิดงานดิจิทัลอาร์ตกัน
ขั้นตอนที่ 1
วาดรอยพู่กันลงบนกระดาษที่เตรียมไว้ตามใจชอบ ผู้เขียนแนะนำให้รอยพู่กันมีลักษณะขอบที่ฟุ้งกระจาย ไม่ชนกับขอบกระดาษ เพื่อไม่ให้เกิดขอบเส้นตรง และรอยพู่กันควรมีความเข้มข้น เห็นส่วนดำและส่วนไล่ระดับน้ำที่ชัดเจน เมื่อได้รอยพู่กันที่สวยถูกใจแล้ว ให้ถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิทัลในสภาพแสงที่เพียงพอ เพื่อไม่ให้เกิดเงา และระวังให้ส่วนขาวของกระดาษมีน้ำหนักเท่ากันทั้งแผ่น
ภาพที่ 1 ตัวอย่งการวาดรอยพู่กันบนกระดาษ
ขั้นตอนที่ 2
หลังจากได้ไฟล์ภาพที่ต้องการแล้ว ให้เรานำเข้าไปในโปรแกรม Photoshop (หรือโปรแกรมตกแต่งภาพประเภทอื่นที่ถนัด) โดยตั้งค่าหน้ากระดาษไปที่ A4 / 300 ppi เป็นอย่างน้อย เพื่อให้เทคเจอร์ที่ได้นั้นมีความละเอียดที่เพียงพอต่อการทำงานขนาดใหญ่
ภาพที่ 2 ตัวอย่างโปรแกรม Photoshop
ขั้นตอนที่ 3
จากนั้นให้นำภาพที่เราได้ถ่ายไว้แล้วเข้ามา ทำความสะอาดส่วนขอบ และตัดให้เหลือเฉพาะส่วนที่เป็นกระดาษ เพื่อให้ง่ายต่อการปรับค่าความเปรียบต่างของน้ำหนักสี
ภาพที่ 3 การตัดภาพเฉพาะส่วนที่จะนำไปใช้
ขั้นตอนที่ 4
เปิดเครื่องมือประเภทที่ใช้ปรับค่าความเปรียบต่าง (Contrast) โดยในโปรแกรม Photoshop เลือกเครื่องมือ Curve โดยให้ทำการปรับค่าความเปรียบต่างของรอยพู่กันให้จัดขึ้น เนื้อกระดาษต้องกลายเป็นสีขาวจัด และสีดำก็เข้มยิ่งขึ้น เพื่อให้ร่องรอยของพู่กันมีความคมชัดเหมาะแก่การใช้งาน
ภาพที่ 4 การปรับค่าความเปรียบต่าง (Contrast)
จากนั้นให้ลดค่าความสดของสีลงให้สุด เปลี่ยนภาพเป็นสีขาวดำ (gray scale) โดยส่วนที่เป็นพื้นที่สีดำจะถูกโปรแกรมเรียนรู้ให้เป็นส่วนประทับสี ในขณะที่ส่วนที่เป็นสีขาว จะถูกเรียนรู้ในฐานะพื้นที่ใส
ภาพที่ 5 การปรับลดค่าความสดของสี
ขั้นตอนที่ 5
เมื่อเราปรับแต่งทำความสะอาดรอยพู่กันเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้เครื่องมือ selection tool คลุมพื้นที่ที่เราต้องการจะทำเป็นหัวแปรง
ภาพที่ 6 การใช้เครื่องมือ selection tool
จากนั้นเลือกเมนู define brush preset
ภาพที่ 7 การใช้เมนู define brush preset
ตั้งชื่อหัวแปรงที่เราจัดทำขึ้นมาให้เรียบร้อย เท่านี้เราก็จะได้หัวแปรงดิจิทัลสำหรับตกแต่งรูปภาพของเราแล้ว
ภาพที่ 8 การตั้งชื่อหัวแปรง
โดยหัวแปรงที่เราทำขึ้นมาอย่างมีเอกลักษณ์นั้น จะช่วยให้ผลงานของเรามีความโดดเด่นสะดุดตา เป็นที่น่าจดจำไม่ซ้ำใคร ทั้งยังช่วยร่นเวลาในการตกแต่งรูปภาพไปได้มากทีเดียว ซึ่งหัวแปรงลักษณะนี้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งงานรีทัช จนไปถึงงานวาดภาพทีเดียว
ภาพที่ 9 ตัวอย่างผลงานจากหัวแปรงพู่กัน
ยิ่งขยันทำ ยิ่งขยันสะสม ก็จะยิ่งทำงานได้ง่ายและมีเอกลักษณ์มากขึ้นเท่านั้น หวังว่าบทความนี้จะช่วยเปิดมุมมองให้ผู้อ่าน ได้พบวิธีใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นที่น่าภาคภูมิใจของตนเอง
พร้อมสร้างสรรค์งานกราฟิกมืออาชีพแล้วหรือยัง?
ถ้าท่านสนใจงานออกแบบกราฟิก สร้างสรรค์สื่อดิจิทัล คลิปวิดีโอ คลิปเสียง สื่อออนไลน์ สามารถอ่านรายละเอียดและใช้บริการของเราได้ที่ https://oet.stou.ac.th/event-service/ ร่วมกันสร้างสรรค์สื่อและนวัตกรรมล้ำสมัย พัฒนาการศึกษาทางไกล ไปกับเราที่สำนักเทคโนโลยีการศึกษา มสธ.